ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア โลโก้
  • บทความทั้งหมด
  • 🗒️ สมัครสมาชิก
  • 🔑 เข้าสู่ระบบ
    • 日本語
    • English
    • 中文
    • Español
    • Français
    • 한국어
    • Deutsch
    • हिंदी
cookie_banner_title

cookie_banner_message นโยบายความเป็นส่วนตัว cookie_banner_and นโยบายคุกกี้ cookie_banner_more_info

การตั้งค่าคุกกี้

cookie_settings_description

essential_cookies

essential_cookies_description

analytics_cookies

analytics_cookies_description

marketing_cookies

marketing_cookies_description

functional_cookies

functional_cookies_description

ระวังแม้กระทั่งเห็ดหอมที่กินได้! คู่มือป้องกัน "โรคผิวหนังจากเห็ดหอม" และพิษจากเห็ด

ระวังแม้กระทั่งเห็ดหอมที่กินได้! คู่มือป้องกัน "โรคผิวหนังจากเห็ดหอม" และพิษจากเห็ด

2025年12月06日 17:34

1. "โรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะ" ที่เกิดขึ้นได้แม้จะเป็นเห็ดที่กินได้คืออะไร?

โรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะคือความผิดปกติของผิวหนังที่เกิดขึ้นหลังจากการรับประทานเห็ดชิตาเกะสดหรือที่ปรุงไม่สุกพอเป็นเวลาหลายชั่วโมงถึงหลายวัน โดยจะมีผื่นแดงเป็นเส้นปรากฏบนร่างกายส่วนบนหรือแขนครับ/ค่ะ


  • มีรอยบวมแดงเหมือนถูกแมวข่วน

  • อาการคันอย่างรุนแรง

  • แพร่กระจายไปยังลำตัว คอ และแขน

อาการเหล่านี้เป็นลักษณะทั่วไปที่มีผลกระทบทางสายตาอย่างมากและมีอาการคันรุนแรงเป็นลักษณะเด่น


สาเหตุเกิดจากสารประกอบในเห็ดชิตาเกะที่เข้าสู่ร่างกายในสภาวะที่ปรุงไม่สุกพอ ซึ่งถือว่าเป็น "โรคผิวหนังจากพิษ" ชนิดหนึ่ง แม้ว่าการทดสอบภูมิแพ้จะเป็นลบ ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ และมีกรณีที่เกิดขึ้นแม้จะ "เพียงแค่ย่างและกินตามปกติ" ก็มีไม่น้อย



2. เมื่อไหร่และอย่างไรที่โรคนี้จะเกิดขึ้น?

ช่วงเวลาที่โรคจะเกิดขึ้นโดยทั่วไปถือว่าเป็นดังนี้

  • มักจะเกิดขึ้นในช่วง 12 ชั่วโมงถึง 5 วันหลังการรับประทาน

  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่อาการปรากฏขึ้น 2-3 วันหลังการรับประทาน

เนื่องจากอาการไม่ปรากฏทันทีทำให้ยากที่จะสังเกตเห็นความสัมพันธ์กับเห็ดชิตาเกะซึ่งเป็นจุดที่น่ากังวล


ปริมาณที่รับประทานไม่จำเป็นต้องเป็น "เมื่อรับประทานจำนวนมากเท่านั้น"
・เห็ดชิตาเกะย่างบนตะแกรงไม่กี่ชิ้น
・เห็ดชิตาเกะในหม้อไม่กี่ชิ้น
แม้จะเป็นปริมาณเล็กน้อย หากปรุงไม่สุกพอก็สามารถเกิดโรคได้



3. ความแตกต่างระหว่างพิษจากเห็ดพิษและเห็ดที่กินได้

พิษจากเห็ดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ


  1. พิษจากเห็ดพิษ

    • เห็ดเองมีพิษ

    • หากรับประทานโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย ภาพหลอน ความเสียหายต่อตับ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

    • การตัดสินใจว่า "กินได้" ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่อันตรายมาก

  2. ปัญหาจากการปรุงหรือเก็บรักษาเห็ดที่กินได้ไม่ถูกต้อง

    • โรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะ หรืออาการทางเดินอาหารเช่นปวดท้อง ท้องเสีย

    • การรับประทานเห็ดดิบ ครึ่งดิบ หรือเห็ดที่เสียเป็นตัวกระตุ้น


ดังนั้น
เห็ดพิษคือ "อย่ากินเลย" ส่วนเห็ดที่กินได้คือ "อย่าผิดพลาดในการจัดการ"
การรักษาสองข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญ



4. อาการที่อาจเกิดจากเห็ดที่กินได้

4-1. โรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะ

  • หลังการรับประทานเห็ดชิตาเกะสดหรือครึ่งดิบ จะมีผื่นเป็นเส้นปรากฏบนลำตัวหรือแขน

  • อาการคันรุนแรงและมีรอยบวมแดง

  • ส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่การรักษาโดยแพทย์จะดีกว่า



4-2. อาการทางเดินอาหาร

  • เห็ดที่ปรุงไม่สุกหรือเก่า อาจทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้

  • อาการคล้ายกับพิษจากอาหารอื่นๆ



4-3. ภูมิแพ้อาหาร

  • บางคนอาจมีภูมิแพ้ต่อเห็ดบางชนิด เช่น เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดเอนอกิ

  • หากมีอาการลมพิษ ริมฝีปากหรือเปลือกตาบวม หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์



5. กฎพื้นฐานในการกินเห็ดอย่างปลอดภัย

5-1. "ปรุงให้สุกถึงแกนกลาง" เป็นสิ่งสำคัญ

เห็ดไม่ใช่ผักแต่เป็น "เชื้อรา" และอาจมีสารที่กระตุ้นร่างกายหากรับประทานดิบหรือครึ่งดิบ


  • เห็ดชิตาเกะที่มีเนื้อหนาควรหั่นครึ่งเพื่อให้ปรุงสุกง่าย

  • ปรุงจนกระทั่งแผ่นใต้หมวกเห็ดนิ่มและเปลี่ยนสี

  • หากยังดูแข็งหรือขาวอยู่ ควรปรุงต่ออีกหน่อย

เพื่อความปลอดภัย



5-2. อย่าพึ่งพาไมโครเวฟเพียงอย่างเดียว

ไมโครเวฟอาจทำให้เกิดความไม่สม่ำเสมอในการปรุง และส่วนกลางอาจยังคงดิบอยู่

  • ควรคนระหว่างการปรุงด้วยไมโครเวฟ

  • และปรุงซ้ำด้วยกระทะหรือหม้อ

ด้วยวิธีนี้การใช้ "ไมโครเวฟ + เตา"จะเพิ่มความปลอดภัย



5-3. การเก็บรักษาคือ "ใช้เร็ว" หรือ "ปรุงแล้วแช่แข็ง"

  • การเก็บในตู้เย็นในสภาพดิบเป็นเวลานานอาจทำให้เสื่อมสภาพได้ง่าย

  • ส่วนที่ใช้ไม่หมดควรลวกหรือผัดเบาๆ แล้วแช่แข็งเป็นส่วนๆ

  • เห็ดที่แช่แข็งควรปรุงให้สุกก่อนใช้ในการทำอาหาร



6. จุดปลอดภัยของเห็ดชิตาเกะในฉากการทำอาหารต่างๆ

6-1. อาหารหม้อ

  • ใส่เห็ดชิตาเกะลงในหม้อเร็วๆ และต้มให้สุก

  • รอจนหมวกเห็ดหดตัวและแผ่นใต้หมวกเปลี่ยนสีแล้วค่อยรับประทาน



6-2. การย่างด้วยฟอยล์หรือเตาอบ

  • เปิดฟอยล์และใช้ตะเกียบแยกส่วนหนาของหมวกเห็ดเพื่อตรวจสอบความนุ่ม

  • หากยังแข็งอยู่ ให้ปิดฟอยล์และย่างต่อ



6-3. บาร์บีคิวหรือย่างบนตะแกรง

  • ไม่ใช่แค่เนื้อควรมีพื้นที่เฉพาะสำหรับย่างเห็ดอย่างระมัดระวัง

  • เพื่อไม่ให้ผิวเห็ดไหม้แต่ข้างในยังดิบ ควรใช้ไฟกลางและย่างนานขึ้น



7. เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์

7-1. อาการทางเดินอาหาร

  • ปวดท้องรุนแรง ท้องเสียหรืออาเจียนซ้ำๆ มีไข้

  • ไม่สามารถรับน้ำได้ รู้สึกอ่อนเพลีย หรือมีเลือดในอุจจาระ

หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที



7-2. เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะ

  • รับประทานเห็ดชิตาเกะในช่วงหลายชั่วโมงถึงหลายวันก่อนหน้า

  • จากนั้นมีรอยบวมแดงเป็นเส้นจำนวนมากบนร่างกายส่วนบนหรือแขน

  • มีอาการคันรุนแรงและแพร่กระจาย

หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ผิวหนังครับ/ค่ะ


การจดบันทึกว่า "เมื่อไหร่ ปริมาณเท่าไหร่ และวิธีการปรุงเห็ดชิตาเกะ" จะทำให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างราบรื่น
※บทความนี้เป็นข้อมูลทั่วไป การวินิจฉัยและการรักษาควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์



8. สรุป: รู้จักกลัวอย่างถูกต้องและเพลิดเพลินกับการกิน

  • โรคผิวหนังจากเห็ดชิตาเกะคือความผิดปกติของผิวหนัง

← กลับไปที่รายการบทความ

contact |  ข้อกำหนดการใช้งาน |  นโยบายความเป็นส่วนตัว |  นโยบายคุกกี้ |  การตั้งค่าคุกกี้

© Copyright ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア สงวนลิขสิทธิ์