ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア โลโก้
  • บทความทั้งหมด
  • 🗒️ สมัครสมาชิก
  • 🔑 เข้าสู่ระบบ
    • 日本語
    • English
    • 中文
    • Español
    • Français
    • 한국어
    • Deutsch
    • हिंदी
cookie_banner_title

cookie_banner_message นโยบายความเป็นส่วนตัว cookie_banner_and นโยบายคุกกี้ cookie_banner_more_info

การตั้งค่าคุกกี้

cookie_settings_description

essential_cookies

essential_cookies_description

analytics_cookies

analytics_cookies_description

marketing_cookies

marketing_cookies_description

functional_cookies

functional_cookies_description

แมวแก่ "ร้องตอนกลางคืน" เป็นสัญญาณหรือไม่? — การ "ทำผิดพลาด" นั้นอาจเป็นเสียงของโรค: แมวก็มีภาวะสมองเสื่อมได้, 8 สัญญาณและการดูแลที่ทันสมัย

แมวแก่ "ร้องตอนกลางคืน" เป็นสัญญาณหรือไม่? — การ "ทำผิดพลาด" นั้นอาจเป็นเสียงของโรค: แมวก็มีภาวะสมองเสื่อมได้, 8 สัญญาณและการดูแลที่ทันสมัย

2025年09月05日 00:53

1) "ลูกของฉันเปลี่ยนไปหรือเปล่า?" — การสังเกตเริ่มจาก "พฤติกรรม"

แมวก็มีภาวะสมองเสื่อมเช่นกัน ภาวะที่เทียบเท่ากับภาวะสมองเสื่อมในมนุษย์เรียกว่า "ภาวะบกพร่องทางการรับรู้ของแมว (feline cognitive dysfunction)" ซึ่งพบมากในช่วงวัยชรา สัญญาณแรกไม่ได้แสดงออกมาในลักษณะ "ป่วย" แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ Phys.org ได้อธิบายถึงสัญญาณ 8 ประการที่เจ้าของสามารถสังเกตได้ ได้แก่ ① การร้องเสียงดังในเวลากลางคืนหรือการเปล่งเสียงที่ไม่เหมาะสม ② การเปลี่ยนแปลงในการมีปฏิสัมพันธ์ เช่น กลายเป็นขี้อ้อนหรือเมินเฉย ③ การนอนหลับที่ไม่ปกติ เช่น กลับกลางคืนเป็นกลางวัน ④ การขับถ่ายนอกห้องน้ำ ⑤ การยืนอยู่ที่เดิมหรือเดินไปยัง "ด้านตรงข้าม" ของประตู ⑥ การไม่เล่นหรือการลดลงของการกรูมมิ่ง ⑦ การซ่อนตัวหรือกลัวเสียงเล็กๆ น้อยๆ ⑧ การลดลงของการเรียนรู้และความจำ เช่น ลืมสถานที่หรือขั้นตอนที่เคยจำได้ Phys.org


2) เริ่มต้นด้วยการแยกแยะ "อาการคล้ายกัน" ออกไป: การวินิจฉัยที่ถูกต้องคือทางลัดสู่การรักษา

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ภาวะสมองเสื่อม Phys.org เน้นย้ำถึงการทับซ้อนของอาการกับโรคที่พบมากในแมวสูงอายุ เช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคไต ตัวอย่างเช่น อาการปวดข้ออาจทำให้แมวเข้าห้องน้ำได้ยากและดูเหมือน "ผิดพลาด" หรือภาวะไทรอยด์ทำงานเกินอาจทำให้เกิดการร้องในเวลากลางคืนหรือความไม่สงบ ดังนั้นหากรู้สึกว่า "เปลี่ยนไป" ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อตรวจสอบโรคภายในและอาการปวด Phys.org


3) วิทยาศาสตร์ค้นพบอะไรบ้าง? — แมวเป็น "โมเดลการเกิดตามธรรมชาติ"

ในเดือนสิงหาคม 2025 การวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกับโรคอัลไซเมอร์ในสมองของแมวที่มีภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการสะสมของอะไมลอยด์βที่ซินแนปส์และการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทถูกทำลาย นอกจากนี้ยังพบว่าไมโครเกลียและแอสโตรไซต์ซึ่งเป็น "ผู้ทำความสะอาด" ของสมองล้อมรอบซินแนปส์มากเกินไปและมีการกินเซลล์ (การตัดซินแนปส์) ซึ่งสอดคล้องกับปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ในระยะแรกของอัลไซเมอร์ในมนุษย์ การศึกษานี้ใช้แมว 25 ตัวที่ถูกตรวจสอบสมองหลังจากเสียชีวิต ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้สามารถวิเคราะห์สัตว์ที่เกิดตามธรรมชาติได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการดัดแปลงพันธุกรรมเช่นหนู ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างแบบจำลองพยาธิสภาพที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ Medical XpressWiley Online Libraryมหาวิทยาลัยเอดินบะระ


ความรู้นี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงการดูแลแมว แต่ยังเชื่อมโยงการวิจัยภาวะสมองเสื่อมในมนุษย์อีกด้วย สื่อวิทยาศาสตร์ยังได้กล่าวถึงว่าแมวอาจเป็น "กุญแจ" ในการพัฒนาการรักษา Science NewsScience FocusThe Independent


4) 3 ขั้นตอนที่เจ้าของสามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้

ขั้นตอนที่ 1: บันทึกข้อมูล

บันทึกเวลาในการร้องในเวลากลางคืน จำนวนครั้งที่ใช้ห้องน้ำและสถานที่ที่ล้มเหลว ความถี่ของพฤติกรรมเดินวนเวียน ข้อมูลเหล่านี้มีค่าสูงในการวินิจฉัย


ขั้นตอนที่ 2: จัดเตรียมสิ่งแวดล้อม

ในกรณีที่แมวมีอาการเบาหรือมีสุขภาพดี การเล่น การสำรวจ และการเล่นล่าสัตว์จำลองสามารถช่วยให้ "สมองทำงาน" และอาจชะลอการเสื่อมสภาพได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมอย่างฉับพลันอาจทำให้ความสับสนแย่ลงได้ สำหรับความกังวลในเวลากลางคืน ควรใช้ไฟกลางคืน มีขั้นบันไดสำหรับการขึ้นลง และจัดเตรียม "จุดฐาน" เช่น เตียง น้ำ และห้องน้ำให้คงที่เพื่อไม่ให้แมวหลงทาง Phys.org


ขั้นตอนที่ 3: แนวคิดเกี่ยวกับโภชนาการและอาหารเสริม

การเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ (วิตามิน E และ C) และกรดไขมันจำเป็นอาจช่วยลดการอักเสบและชะลอการเสื่อมสภาพได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นอนยังคงอยู่ในผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขกับแมวอาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบที่เป็นพิษต่อแมว เช่น α-ลิโปอิกแอซิด ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนใช้ Phys.org


5) ปฏิกิริยาบนโซเชียลมีเดีย: ประสบการณ์และเสียงเรียกร้องให้ "แยกแยะก่อน"

หัวข้อนี้แพร่หลายในโซเชียลมีเดียเช่นกัน บน X (เดิมคือ Twitter) มีการโพสต์ประสบการณ์เกี่ยวกับการร้องในเวลากลางคืน การกลับกลางวันเป็นกลางคืน และ "หลงทางในบ้าน" พร้อมกับการแชร์การใช้กล้องเฝ้าดูและการใช้ไฟกลางคืน X (formerly Twitter)


บน Reddit ผู้เลี้ยงแมวที่มีประสบการณ์ยาวนานแนะนำให้ตรวจสอบภาวะไทรอยด์ทำงานเกินหรือความดันโลหิตสูงก่อน โดยมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมเช่น "การร้องเสียงดังในเวลากลางคืน" หรือ "ยืนอยู่ที่มุมห้อง" นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ที่บอกว่าอาการดีขึ้นด้วยอาหารเสริม แต่ควรระวังเพราะเป็น ประสบการณ์ส่วนตัวและไม่ควรทั่วไป Reddit


สื่อกระแสหลักก็แพร่กระจายข่าวเช่นกัน People และ The Independent ของอังกฤษได้นำเสนอสาระสำคัญของการวิจัยในรูปแบบที่เข้าใจง่ายสำหรับประชาชนทั่วไปและได้รับการตอบรับมากมาย People.comThe Independent


6) เมื่อพบ "8 สัญญาณ" : จากการตรวจไปจนถึงการดูแล

  1. การนัดหมายตรวจ: เริ่มด้วยการตรวจเลือด (การทำงานของไต, ไทรอยด์, การเผาผลาญน้ำตาล) และการตรวจร่างกาย หากจำเป็นอาจมีการวัดความดันโลหิตและประเมินอาการปวด

  2. การแยกแยะสาเหตุ: รักษาโรคภายในหรืออาการปวด หากยังคงมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้สงสัยภาวะบกพร่องทางการรับรู้

  3. การปรับปรุงชีวิต: เพิ่มจำนวนห้องน้ำ ลดขั้นบันได ป้องกันความกังวลในเวลากลางคืน และสร้างเส้นทางที่มองเห็นได้ชัดเจน

  4. สมดุลระหว่างการกระตุ้นและการพักผ่อน: ในกรณีเบาให้กระตุ้นด้วยการเล่น ในกรณีรุนแรงให้ "กล้าที่จะไม่เปลี่ยนแปลง" Phys.org


7) คำถามที่พบบ่อย

ถาม: ควรเริ่มระวังตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
ตอบ: มีรายงานว่ามากกว่าครึ่งของแมวที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปแสดงสัญญาณบางอย่าง และบางกรณีมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตั้งแต่อายุประมาณ 7 ปี การฝึกสมองและการดูแลสุขภาพตั้งแต่วัยเยาว์ถือว่าเป็นประโยชน์ Phys.org

ถาม: อาหารเสริมมีประสิทธิภาพหรือไม่?
ตอบ: มีเหตุผลในการใช้สารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันจำเป็น แต่หลักฐานที่แน่นอนในแมวยังจำกัด ควรให้ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์ การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขกับแมวอาจเป็นอันตราย Phys.org

ถาม: มีประโยชน์ต่อการวิจัยในมนุษย์หรือไม่?
ตอบ: แมวแสดง "ความผิดปกติของซินแนปส์" ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ในภาวะเกิดตามธรรมชาติ ทำให้เป็นโมเดลสัตว์ที่มีศักยภาพในการวิจัยอัลไซเมอร์ Medical Xpress##HTML_TAG_

← กลับไปที่รายการบทความ

contact |  ข้อกำหนดการใช้งาน |  นโยบายความเป็นส่วนตัว |  นโยบายคุกกี้ |  การตั้งค่าคุกกี้

© Copyright ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア สงวนลิขสิทธิ์