ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア โลโก้
  • บทความทั้งหมด
  • 🗒️ สมัครสมาชิก
  • 🔑 เข้าสู่ระบบ
    • 日本語
    • English
    • 中文
    • Español
    • Français
    • 한국어
    • Deutsch
    • हिंदी
cookie_banner_title

cookie_banner_message นโยบายความเป็นส่วนตัว cookie_banner_and นโยบายคุกกี้ cookie_banner_more_info

การตั้งค่าคุกกี้

cookie_settings_description

essential_cookies

essential_cookies_description

analytics_cookies

analytics_cookies_description

marketing_cookies

marketing_cookies_description

functional_cookies

functional_cookies_description

1 ใน 10 คน "พอใจ AI มากกว่า" - แชทบอทเติมเต็มความเหงาและผลที่ตามมา

1 ใน 10 คน "พอใจ AI มากกว่า" - แชทบอทเติมเต็มความเหงาและผลที่ตามมา

2025年12月31日 17:50

1. "พอใจที่จะพูดคุยกับ AI มากกว่าคน" — ตัวเลขที่น่าตกใจแสดงให้เห็นอะไร

ข่าวสั้นจาก KYMA (เครือ CBS) ของสหรัฐฯ กำลังสร้างความสนใจอย่างเงียบๆ "การวิจัยในสหราชอาณาจักรพบว่า 1 ใน 10 ของวัยรุ่นตอบว่า 'พอใจที่จะพูดคุยกับ AI แชทบอทมากกว่าคน' นอกจากนี้ 1 ใน 3 ของวัยรุ่นเลือก AI มากกว่าคนในเรื่องที่จริงจัง"KYMA


ข่าวนี้สะท้อนถึงความจริงที่เรารู้สึกอยู่ลึกๆ มากกว่าผลกระทบของตัวเลข — "ความจำเป็นที่คู่สนทนาต้องเป็นมนุษย์" กำลังสั่นคลอน — เพราะมันได้แปลงเป็นคำพูดที่ชัดเจน


อย่างไรก็ตาม ควรระวังในบริบทที่ BMJ อ้างถึงเป็นหลักฐาน ข่าวนี้อ้างอิงจาก "Feature/Opinion (บทความพิเศษ/ความคิดเห็น)" ในฉบับคริสต์มาสของ BMJ ซึ่งไม่ใช่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบจากภายนอกBMJグループ ดังนั้น การจัดการกับตัวเลขควรทำด้วยความระมัดระวัง


อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเดียวกันนี้ได้รับการยืนยันจากการสำรวจขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น การสำรวจของ Common Sense Media พบว่า 72% ของวัยรุ่นที่เคยใช้ AI เป็นคู่สนทนา, 10% ตอบว่าความพึงพอใจในการสนทนากับ AI สูงกว่ากับเพื่อน, **21% ตอบว่า "เท่ากัน"Common Sense Media


การสำรวจเดียวกันนี้รายงานว่า
33% ของผู้ใช้ AI มีประสบการณ์ในการพูดคุยเรื่องสำคัญหรือจริงจังกับ AI แทนที่จะเป็นคนCommon Sense Media


"10%" นี้อาจดูเหมือนเป็นกลุ่มน้อย แต่ถ้าจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น ความหมายทางสังคมก็จะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ การสำรวจเดียวกันยังพบว่า 52% ของผู้ใช้ AI ใช้เป็นประจำ, **13% ใช้ทุกวัน**Common Sense Media นี่ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณว่ากำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


2. เบื้องหลังคือ "ความเหงา" และ "ขาดคู่สนทนา"

การประกาศของ BMJ Group เตือนว่า AI แชทบอทถูกใช้เป็น "เครื่องมือเพื่อเอาชนะความเหงา" มีความเสี่ยงที่ผู้ใช้จะเรียนรู้ที่จะสร้าง "ความผูกพันทางอารมณ์" กับสิ่งที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจหรือการดูแลอย่างแท้จริง และผู้ให้บริการทางการแพทย์ควรตระหนักถึง "การใช้แชทบอทที่มีปัญหา" เป็นความเสี่ยงใหม่ทางสุขภาพจิตBMJグループ


ปัญหาความเหงาไม่ได้จำกัดเฉพาะวัยรุ่น ในสหราชอาณาจักรมีรายงานว่า "1 ใน 3 ของผู้ใช้ AI เพื่อการสนับสนุนทางอารมณ์หรือการสื่อสารทางสังคม" การใช้ AI เพื่อเติมเต็ม "ช่องว่างในใจ" กำลังขยายไปในทุกช่วงอายุガーディアン


ในสหรัฐอเมริกา การใช้ AI ในหมู่วัยรุ่นได้กลายเป็น "เรื่องธรรมดา" จากการสำรวจของ Pew Research Center ในเดือนธันวาคม 2025 พบว่า 64% ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปีในสหรัฐฯ ใช้ AI แชทบอท, ประมาณ 30% ใช้ทุกวันPew Research Center


กล่าวคือ เราไม่ได้อยู่ในขั้นตอนที่ "เด็กบางคนพูดคุยกับ AI" แต่เป็นสถานการณ์ที่ **"ส่วนใหญ่ในชั้นเรียนใช้"**


3. เหตุผลที่วัยรุ่นถูกดึงดูดให้ AI: "ไม่ถูกปฏิเสธ" "อยู่เสมอ" "บอกความลับได้"

ปฏิกิริยาบนโซเชียลมีเดีย (ความรู้สึก) ก็สรุปได้ใน "เหตุผล" เหล่านี้

การสำรวจของ Common Sense Media แสดงให้เห็นว่า เหตุผลในการใช้ AI นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา

  • "สนุกเป็นความบันเทิง" 30%

  • "สนใจเทคโนโลยี" 28%

  • "ได้รับคำแนะนำ" 18%

  • "สามารถพูดคุยได้ตลอดเวลา" 17%

  • "ไม่ถูกปฏิเสธ" 14%

  • "สามารถบอกสิ่งที่ไม่สามารถบอกเพื่อนหรือครอบครัวได้" 12%

  • "ง่ายกว่าการพูดคุยกับคนจริง" 7% Common Sense Media


ที่นี่มีสถานการณ์เฉพาะของวัยรุ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โรงเรียน ครอบครัว กิจกรรม สโมสร SNS... ในสภาพแวดล้อมที่ต้องถูกประเมิน เปรียบเทียบ และใส่ใจอยู่เสมอ **"คู่สนทนาที่ไม่โต้แย้ง"** เป็นสิ่งที่สบายใจอย่างมาก สื่อการศึกษา Education Week ชี้ว่า AI คอมพาเนียนมีแนวโน้มที่จะ "เห็นด้วยและยืนยัน" และเตือนว่าไม่ได้ออกแบบสำหรับเด็กEducation Week


บน SNS ก็มีเสียงว่า "เมื่อเหนื่อยกับความสัมพันธ์กับคน AI เป็นทางออกที่ง่าย" "ไม่มีความอึดอัด" ในทางกลับกัน มีโพสต์ที่พูดถึงความสัมพันธ์กับ AI ว่า "ปลอดภัย" (เช่น "ถ้ามีข้อจำกัด อาจปลอดภัยทางอารมณ์กว่าความสัมพันธ์กับคน")Reddit


นอกจากนี้ ในชุมชนแชทแบบตัวละคร มีการพูดถึง AI ในทางบวกว่าเป็น "สถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับจินตนาการที่ไม่สามารถทำได้ในความเป็นจริง" "สถานที่ที่สามารถสนทนากับตัวละครที่ชื่นชอบ"Reddit


สรุปคือ AI เป็นทั้ง "คู่สนทนา" และ เกม การสนับสนุนตัวละคร การเขียนบันทึก การให้คำปรึกษา ซึ่งเริ่มกลายเป็น "โครงสร้างพื้นฐานทางอารมณ์"


4. แต่ความเสี่ยงก็ขยายตัวเช่นกัน — การพึ่งพา การแยกตัว การตอบสนองที่ไม่เหมาะสม ความเป็นส่วนตัว


4-1. การพึ่งพาและการแยกตัว: เมื่อ "การทดแทนการสนทนา" กลายเป็น "การแทนที่"

BMJ มองว่าเป็นปัญหาเมื่อมีสัญญาณว่า AI ถูกใช้เหมือนเพื่อน ใช้อย่างบังคับ และการแยกตัวทางสังคมเพิ่มขึ้นKYMA
Common Sense Media ยังแสดงให้เห็นว่า **33% ของผู้ใช้ AI ได้พูดคุยเรื่องสำคัญกับ AI แทนที่จะเป็นคน** ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทางเข้าสู่ "การแทนที่"Common Sense Media


ในทางกลับกัน การสำรวจเดียวกันแสดงว่า "ใช้เวลากับเพื่อนมากกว่า AI" อยู่ที่ 80% ซึ่งแสดงว่า AI ยังไม่เข้ามาแทนที่ความสัมพันธ์กับคนในทันทีCommon Sense Media


กล่าวคือ สถานการณ์ปัจจุบันคือ "มนุษย์เป็นหลัก AI เป็นล้อเสริม" แต่เมื่อมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถถอดล้อเสริมออกได้ สังคมจะเผชิญกับ "การแยกตัวใหม่"


4-2. การตอบสนองที่ไม่เหมาะสม: เส้นแบ่งที่พังทลายโดยไม่รู้ตัว

การสำรวจของ Common Sense Media พบว่า 34% ของผู้ใช้ AI รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของ AICommon Sense Media


นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ Washington Post ของสหรัฐฯ รายงานว่าเด็กๆ ได้สัมผัสกับการสนทนาที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่ หรือเกี่ยวกับเพศผ่านบริการ AI คอมพาเนียน ซึ่งทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงThe Washington Post


"การสนทนาที่จะไม่เหมาะสมถ้าคู่สนทนาเป็นคน" อาจถูกมองว่าเป็น "แค่การแสดง" "เรื่องตลก" หรือ "ความลับของตัวเอง" เมื่อคู่สนทนาเป็น AI ซึ่งอาจทำให้เส้นแบ่งถูกทำลาย


4-3. ความไม่แน่นอนในการใช้เพื่อสุขภาพจิต: สะดวกแต่ขาดความรับผิดชอบที่ชัดเจน

การวิจัยที่ JAMA Network Open นำเสนอโดย People พบว่า 13% ของวัยรุ่นอายุ 12-21 ปีขอคำแนะนำด้านสุขภาพจิตจาก AI แชท##HTML_TAG_372

← กลับไปที่รายการบทความ

contact |  ข้อกำหนดการใช้งาน |  นโยบายความเป็นส่วนตัว |  นโยบายคุกกี้ |  การตั้งค่าคุกกี้

© Copyright ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア สงวนลิขสิทธิ์