ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア โลโก้
  • บทความทั้งหมด
  • 🗒️ สมัครสมาชิก
  • 🔑 เข้าสู่ระบบ
    • 日本語
    • English
    • 中文
    • Español
    • Français
    • 한국어
    • Deutsch
    • हिंदी
cookie_banner_title

cookie_banner_message นโยบายความเป็นส่วนตัว cookie_banner_and นโยบายคุกกี้ cookie_banner_more_info

การตั้งค่าคุกกี้

cookie_settings_description

essential_cookies

essential_cookies_description

analytics_cookies

analytics_cookies_description

marketing_cookies

marketing_cookies_description

functional_cookies

functional_cookies_description

"Vision Pro 2" ที่เกิดใหม่ด้วย "M4+สายรัดใหม่" ― การวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับก้าวต่อไปของ Apple

"Vision Pro 2" ที่เกิดใหม่ด้วย "M4+สายรัดใหม่" ― การวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับก้าวต่อไปของ Apple

2025年07月11日 03:46

1. แหล่งที่มาของข่าวลือคือใคร──สรุปรายงาน Bloomberg Gurman

ในวันที่ 9 กรกฎาคม Bloomberg Power On, Mark Gurman รายงานว่า "Apple กำลังเตรียมเปิดตัว Vision Pro รุ่นอัปเดตเล็กน้อยภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025" โดยมี "ชื่อรหัสภายในว่า N109, ใช้ CPU M4, และออกแบบสายคาดศีรษะใหม่เพื่อลดความอึดอัด"Ars TechnicaWccftech.


จากนั้น Engadget ก็ได้เผยแพร่ข่าวด่วน โดย Kris Holt นักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้าน AR/VR ของบริษัทกล่าวว่า "การใช้ M4 หมายถึงการรองรับ Apple Intelligence อย่างเต็มที่ แม้จะเป็นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยแต่ประสบการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก"Engadget.


2. M2→M4 มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?――การพัฒนาฮาร์ดแวร์

2-1. ความก้าวหน้าของกระบวนการผลิต

M4 ใช้กระบวนการผลิต TSMC 3 nm รุ่นที่ 2 "N3E" ซึ่งมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 18% และประสิทธิภาพ GPU เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน M2 ของ Vision Pro รุ่นแรกใช้กระบวนการผลิต 5 nm "N5P" ซึ่งมีปัญหาเรื่องความร้อนและแบตเตอรี่ การเปลี่ยนเป็น N3E คาดว่าจะเพิ่มเวลาการใช้งานได้ +30 นาที และลดความเร็วพัดลมระบายความร้อนได้ 6%


2-2. การเพิ่มขึ้นของ Neural Engine

NPU 32-core ของ M4 มีความสามารถ 68 TOPS ต่อวินาที และสามารถประมวลผลการคาดการณ์ในอุปกรณ์ของ Apple Intelligence ได้เกือบเรียลไทม์ Gurman กล่าวว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถสร้างภาพได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์Wccftech.


2-3. การลดความล่าช้าในการติดตามสายตาและมือ

ผลจากการเสริมความแข็งแกร่งของ GPU และ ISP ทำให้ความล่าช้าจากการป้อนข้อมูลของเซ็นเซอร์ไปยังการแสดงผลลดลงจาก 12 ms→8 ms ลดความเสี่ยงจากการเมา VR


3. "ไม่ปวดคออีกต่อไป"──เป้าหมายของสายคาดศีรษะใหม่

ในรุ่นแรก น้ำหนักประมาณ 600 กรัมและสายเคเบิลแบตเตอรี่ภายนอกเป็น "อุปสรรคในการใช้งานระยะยาว" ทีมพัฒนาได้เริ่มทดลองสายคาดศีรษะที่มีโครงสร้างห่วงคู่ทำจากไนลอนและโครงภายในคาร์บอนไฟเบอร์ตั้งแต่ปลายปี 2024 เพื่อกระจายน้ำหนักบนศีรษะและปรับสมดุลหน้า-หลังให้ใกล้เคียง 50:50 Bloomberg อธิบายว่า "ดูเหมือนวัสดุสิ่งทอที่คล้ายกับ AirPods Max"Ars Technica.

ปฏิกิริยาบนโซเชียลมีเดีย (บางส่วน)
* "ขายสายคาดนี้แยกต่างหากได้ไหม!" —@Book_talker_abouter (Reddit)Reddit
* "ถ้ามีแบตเตอรี่รวมด้านหลังจะซื้อใหม่" —@Doc_Blox (Reddit)Reddit
* "วันคอปวดได้จบลงแล้ว 😂" —@GOROman (X)X


4. ราคาคงที่เป็นผลดีหรือผลเสีย

Wccftech คาดการณ์ว่า "น้ำหนักคงที่ ราคา 3,499 ดอลลาร์ก็ยังคงที่" และรุ่นราคาถูกจะมีหลังปี 2027Wccftech. ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากห่วงโซ่อุปทานในไต้หวันมีข่าวลือว่า "รุ่นที่ใช้เลนส์บางเบาลดน้ำหนักลงเหลือ 300 กรัมจะถูกทดลองในครึ่งหลังของปี 2026"


ความเห็นของผู้บริโภคมีความแตกต่างกันมาก ผู้ซื้อรุ่นแรกกล่าวว่า "ถ้าประสิทธิภาพดีขึ้นก็อยากซื้อใหม่" "หวังว่าสายคาดจะขายแยก" แต่กลุ่มที่ยังไม่ได้ซื้อกล่าวว่า "ถ้าราคาไม่เปลี่ยน Quest 3 ก็เพียงพอแล้ว"


5. ปัญหาการขาดแอปและ Apple Intelligence

18 เดือนหลังจากการเปิดตัวรุ่นแรก แอป visionOS ของสตรีมมิ่งหลักยังคงขาด Netflix, YouTube, SpotifyWikipedia. Apple มีแผนที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ AI เช่น "API การสร้างพื้นหลังเชิงสร้างสรรค์" และ "การแปลงเสียงเป็นข้อความในเครื่อง" พร้อมกับ visionOS 3 เพื่อส่งเสริมชุมชนนักพัฒนา การเปลี่ยนเป็น M4 ถือเป็นก้าวสำคัญในทิศทางนี้


6. การเคลื่อนไหวของคู่แข่ง――Meta, Samsung, Google

Meta มีแผนที่จะเปิดตัว Quest Pro 2 (Q1 2026) พร้อม Snapdragon XR3 Gen 2 และจอ OLED โดยมีข่าวลือว่าราคาอยู่ที่ 999 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการท้าทาย Apple ในตลาดระดับไฮเอนด์ Samsung จะเปิดตัว "Galaxy XR" ที่ใช้แพลตฟอร์ม Google XR ในช่วงกลางปี 2026 และสงครามระบบนิเวศจะเข้าสู่ฉากที่สอง


7. แผนงานในอนาคตและผลกระทบต่อตลาด

นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo คาดการณ์ว่า "Apple จะเปิดตัว Vision Air ที่มีน้ำหนักเบา, แว่น AR, และ HUD ในรถยนต์ในปี 2027 เพื่อยกระดับการคอมพิวเตอร์พื้นที่ให้เป็นกระแสหลักระดับ iPhone"Investors.com. Vision Pro 2 เป็นสะพานเชื่อมในทิศทางนี้และเป็นผู้นำที่แสดงให้เห็นถึง "รูปแบบพรีเมียมที่สมบูรณ์"


8. สรุป――"แพงแต่ไม่ควรมองข้าม" โปรโตไทป์สู่อนาคต

Vision Pro 2 เป็นการอัปเกรดที่เน้น "การปรับปรุงคุณภาพประสบการณ์" แทนการลดต้นทุน AI ที่สร้างขึ้นในเครื่องด้วย M4 และ Apple Intelligence, ความสะดวกสบายในการสวมใส่, และการลดความล่าช้า อาจดึงดูดนักพัฒนาและบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่เคยลังเลในรุ่นแรกให้กลับมา


อย่างไรก็ตาม หากราคายังคงอยู่ที่ 3,500 ดอลลาร์ การเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปจะยังคงเป็นเรื่องยาก Apple จะสามารถนำเสนอ "การคอมพิวเตอร์พื้นที่" ในรูปแบบที่น่าเชื่อถือได้มากเพียงใด――คำตอบอาจจะชัดเจนเมื่อ Vision Air เปิดตัวในปี 2027



บทความอ้างอิง

มีรายงานว่า Vision Pro รุ่นถัดไปของ Apple จะมีชิป M4 และสายคาดศีรษะที่ดียิ่งขึ้น
ที่มา: https://www.engadget.com/ar-vr/apples-next-vision-pro-will-reportedly-have-an-m4-chip-and-a-better-head-strap-184352374.html?src=rss

← กลับไปที่รายการบทความ

contact |  ข้อกำหนดการใช้งาน |  นโยบายความเป็นส่วนตัว |  นโยบายคุกกี้ |  การตั้งค่าคุกกี้

© Copyright ukiyo journal - 日本と世界をつなぐ新しいニュースメディア สงวนลิขสิทธิ์